การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด ทางเลือกใหม่ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง

การรักษาด้วย "ภูมิคุ้มกันบำบัด" ทางเลือกใหม่ ต่อสู้กับโรคมะเร็ง

 


 

  • การรักษาโรคด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด  วิธีการรักษาโรคมะเร็งในยุคสมัยใหม่เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง  เพื่อต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมค่างๆ รวมถึงเซลล์มะเร็งด้วย
  • เมื่อพูดถึงโรคมะเร็ง  หลายคนคงกลัวมาก  และไม่อยากพบเจอกับโรคนี้  เพราะวิธีการรักษาทางการที่มีมาอย่างยาวนาน  และสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ อย่างการทำเคมีบำบัด ซึ่งวิะีการนี้สามารถจัดการกับเซลล์มะเร็งได้จริง  แต่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงเช่นกัน เนื่องจากเคมีบำบัดจะเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งไม่ให้มีการเจริญเติบโต  รวมถึงทำลายเซลล์เจริญพันธุ์อื่นๆ ในร่างกายด้วย 
  • ดังนั้น  การจัดการโรคมะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดในร่างกายจึงเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วย  เพื่อหลีกเลี่ยงการทำเคมีบำบัด และผลข้างเคียงอื่นๆ ที่จะตามมาก  อย่างเช่น  อาการผิวหนังแห้ง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ร่างกายอ่อนแรง ผลร่วง และผลข้างเคียงอื่น อีกมากมาย

การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ ตามกลไกการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน  ดังนี้

  1. โมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal Antibodies)  โมโนโคลบอลแอนติบอดี  เป็นโปรตีนสังเคราะห์ ที่เลียนแบบสารภูมิต้านทานที่เป็นโปรตีนของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย  เพื่อให้ได้เซลล์จากการเลียนแบบที่มีลักษณะเดียวกันมีจำนวนมากขึ้น  ซึ่งแอนติบอดีจะได้รับการพัฒนาให้มีความจำเพาะ  และออกฤทธิ์ต่อต้านเซลล์มะเร็งชนิดนั้นๆ แบบเจาะจง
  2. ยับยั้งการทำงานที่อิมมูนเช็คพอยด์ (Immune Checkpoint Inhibitors)  การยับยั่งระบบควบคุม และสั่งการให้มีการทำลายเซลล์แปลกปลอม หรือหยุดการทำลายเซลล์ของร่างกาย (Immune Checkpoint) ในบางกรณีเซลล์มะเร็งจะอาศัยระบบนี้ในการซ่อนตัวจากการถูกทำลายโดยระบบภูมิคุ้มกันสามารถตรวจจับเซลล์มะเร็งได้ดีมากยิ่งขึ้น
  3. วัคซีนโรคมะเร็ง (Cancer Vaccines)  เป็นการกระตุ้นระบบภุมิคุ้มกันให้สามารถทำลายเซลล์มะเร็ง  เพื่อป้องกันร่างกายให้ปลอดภัยจากมะเร็ง  เช่น วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ซึ่งการฉีดวัคซีนรักษาโรคมะเร็ง เป็นการออกแบบเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจดจำเซลล์มะเร็งไว้  เมื่อมีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นในร่างกาย  ภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำหน้าที่กำจัดเซลล์มะเร็งชนิดนั้นได้อย่างทันที
  4. ภูมิคุ้มกันบำบัดแบบไม่จำเพาะ (Non-specific Immunotherapies  การออกฤทธิ์ต่อต้าน ทำลาย และป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย  ซึ่งไม่ได้จำเพาะเซลล์มะเร็งแบบเจาะจงโดยตรง  การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดประเภทนี้  เป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยทั่วไป  เพื่อให้ร่างกายตอบสนองต่อเซลล์มะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 การวิจัยในระดับเซลล์  ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา  และทีมงานนักวิจัย ได้พัฒนาการรักษาทางเลือกใหม่ที่ช่วยในการรักษามะเร็งด้วยภุมิคุ้มกันบำบัด การกระตุ้นเซลล์ T-Cell ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้น  จะช่วยให้ร่างกายของผู้ป่วยแข็งแรงขึ้น  และต่อสู้กับโรคร้ายได้  โดยไม่ต้องพึงการทำเคมีใดๆ ที่มีผลข้างเคียงกับร่างกาย และที่สำคัญ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้


อย่างยั่งยืน

 จากการสัมภาษณ์ผู้ป่วยท่านหนึ่ง คุณเอ (นามสมมุติ) ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง  จากการติดเชื้อ HIV และเป็นโรคมะเร็งสมองร่วมด้วย  ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัด  เนื่องจากร่างกายอ่อนแอ แพทย์่จึงแนะนำให้ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงขึ้นก่อน  จึงจะสามารถเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัดได้

 ซึ่งการติดเชื้อ HIV คือ ภาวะที่จะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายค่อยๆ ลดลง เพราะโดยปกติแล้วร่างกายจะมีเม็ดเลือดขาว CD4 (T-helper) ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันสำคัญที่มีหน้าที่ควบคุม และต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ  เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายติดเชื้อ HIV เชื้อไวรัสจะไปทำลายระบบภูมิคุ้มกัน  ทำให้ค่า CD4 ต่ำลง  (คนปกติจะมีค่า CD4 muj 600 - 1000 เซลล์ต่อเลือด 1 ลบ.มม.) หมายความว่า HIV คือภาวะอาการติดเชื้อ HIV ไม่ได้ทำร้ายตัวผู้ติดเชื้อ แต่จะทำลายภูมิคุ้มกันให้ลดลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งร่างกายอ่อนแอ  ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้  จนพัฒนาไปเป็นเอดส์ (AIDS) และยังมีโอกาสที่จะเป็นโรคต่างๆ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องส่งผลให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "โรคฉวยโอกาส"

 การเกิดโรคฉวยโอกาส หรือ การพัฒนาไปเป็นโรคเอดส์  คือ ภาวะที่น่ากลัว และ อันตรายมากของ HIV อย่างที่กล่าวไปว่า HIV ไม่ได้ทำร้ายร่างกายของผู้ติดเชื้อโดยตรง  แต่กลับไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือร่างกายจะรับเชื้อโรค  และเกิดอาการเจ็บป่วย  ผลที่เกิดขึ้นจะรุนแรง  หรือบางเบาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับร่างกายของผู้ติดเชื้อ ทางด้าน ศ.ดร.พิเช


ษฐ์ วิริยะจิตรา จึงให้ความรู้เพิ่มเติม

"หากผู้ป่วยต้องการเคมีบำบัด  ผู้ป่วยต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้เม็ดเลือดขาว และเกร็ดเลือดมีปริมาณเพิ่มขึ้นเสียก่อน  อยู่ในระดับที่ปลอดภัย จึงจะสามารถเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัดได้  เพราะการทำเคมีบำบัดเป็นฆ่าเซลล์มะเร็งได้ก็จริง  แต่ก็ฆ่าเซลล์เม็ดเลือดขาวด้วยเช่นกัน  หากผู้ป่วยมีเซลล์เม็ดเลือดขาวน้อย และเกร็ดเลือดต่ำ อาจทำให้ติดเชื้อ และเสียชีวิตได้"

กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้คุณเอต่อสู้โรคมะเร็ง และ HIV ได้

คุณเอ เป็นผู้ป่วยอีก 1 ท่าน ที่ได้มีโอกาสเข้ารับการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด  โดยมีคุณแม่เป็นกำลังใจสำคัญ  และอยู่เคียงข้างเธอมาโดยตลอด  จนคุณแม่ได้ศึกษางานวิจัยของ Operation BIM  เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบำบัดนี้ว่า

 

"การรักษามะเร็งด้วย ภูมิคุ้มกันบำบัดนั้น หลักการทำงานของภูมิคุ้มกันบำบัดคือ จะไปกระตุ้นเม็ดเลือดขาวเซลล์ T พิฆาต (Killer T cell) ที่มีหน้าที่ไปฆ่าเซลล์ทุกชนิดที่ผิดปกติในร่างกาย  รวมถึงมะเร็งด้วย  เพราะฉะนั้นสิ่งนี้จะช่วยเหลือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำได้อย่างยั่งยืนโดยที่ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ"

หลังเข้ารับการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด

จากที่คุณเอใช้เริ่ม ใช้วิธีภูมิคุ้มกันบำบัดไปได้ประมาณ 1 เดือน เธอก็เริ่มลุกขึ้นนั่งได้โดยมีอาการเจ็บน้อยลง  พอร่างกายเริ่มดีขึ้นก็ไม่เจ็บอีกต่อไป เธอเล่าว่าครั้งแรกที่เธอนั่งได้รู้สึกดีใจมาก  จนเริ่มเดินได้คุณเอก็บอกกับตัวเองว่าเธอเป็นคนโชคดี  จนทุกวันนี้เธอสามารถลุกเดินเหินได้อย่างคนปกติแล้ว  การที่ได้เจอโรคร้ายๆ พร้อมกันถึง 2 โรค จากความรู้สึกส่วนตัวแล้วคุณเอมองว่า  มะเร็งเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่า HIV แต่ถ้าพูดตามหลักความเป็นจริงแล้ว  การที่คุณเอมีก้อนเนื้อร้ายนั่นก็มีจุดเริ่มต้นมาจากเชื้อ HIV ถึงอย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดคุณเอก็สามารถต่อสู้กับความเลวร้ายดังกล่าวได้สำเร็จและสิ่งที่คุณเอขอบคุณที่สุดก็คือ  ครอบครัวที่คอยดูแลและให้กำลังใจอยู่เสมอ  นักกายภาพบำบัดที่คอยช่วยเหลือทั้งทางกายและจิตใจ และ ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ก็คิดค้นนวัตกรรม ภูมิคุ้มกันบำบัดขึ้นมา  ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกท้อแท้บ้างในบางวันแต่สุดท้ายเธอก็ฝ่าฟันจนร่างกายกลับมาแข็งแรงได้อย่างคนปกติ ไม่ต้องเจ็บป่วย และทรมานเหมือนเดิม  การรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ป่วยเพื่อให้มีคุณภาพชีิวตที่ดีต่อไป

การที่คนเราจะมีร่างกายที่แข็งแรง เพื่อให้ต่อสู้กับโรคร้ายได้นั้น  นอกจากจะมีตัวช่วยที่ดีแล้ว  กำลังจากคนรอบข้างก็สำคัญมาก  หากมีคนรอบข้างคอยใส่ใจให้กำลังใจซึ่งกันและกัน  สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยมีกำลังใจในการดูแลตนเองให้กลับมามีสุขภาพที่ดีได้เร็วยิ่งขึ้น และอยากใช้ชีวิตต่อไปในทุกๆ วัน

 

 การรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด ลดผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด ได้จริงหรือ???

 

ปรึกษาapco

apcocenter

 

#รักษามะเร็ง #ภูมิคุ้มกันบำบัด #Immunotherapy #เซลล์มะเร็ง

 

บทความเพื่อสุขภาพ

Visitors: 155,406