การรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด นวัตกรรม เปลี่ยนชีวิต เป็นวิธีการรักษาที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติมาผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นการกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดให้แข็งแรงเพื่อจัดการกับสิ่งปกติในร่างกาย เคมีบำบัดอันตรวจกว่าที่คิด

 

การรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด ลดผลข้างเคียง จาก "เคมีบำบัด" ได้จริงหรือ?

 

 

 

          ในปัจจุบันมีนวัตกรรมทางการแพทย์เกิดขึ้นหลากหลายมาก ทั้งอุปกรณ์ เครื่องมือ วัคซีน ยารักษาโรค รวมไปถึงวิธีการรักษา  ซึ่งการรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่กำลังได้รับความสนใจ

          ทางเลือกของ "ผู้ป่วย" กับการรักษามะเร็งในปัจจุบัน

          การรักษามะเร็งในทางการแพทย์ ตั้งแต่สมัยอดีตมาจนถึงปัจจุบัน มีหลากหลายวิธีมาก  ซึ่งแต่ละวิธีสามารถใช้รักษาามะเร็งแต่ละชนิดแต่ละระยะของโรคได้ไม่เหมือนกัน เช่น การผ่าตัด การฉายรังสี การทำเคมีบำบัด และการรักษาด้วย "ภูมิคุ้มกันบำบัด"  ซึ่งการรักษาด้วยารผ่าตัด  เป็นเทคนิคการรักษามะเร็งแบบดั้งเดิม และในปัจจุบันยังคงได้รับความนิยมในการใช้รักษาโรคมะเร็ง  ซึ่งวิธีการนี้เหมาะสำหรับการรักษามะเร็งในระยะเริ่มต้น ที่มีขนาดรูปร่างเล็ก และยังไม่มีการกระจายตัวไปยังอวัยวะอื่นๆ ของร่างกายได้

           » ต่อมาได้มีวิธีการรักษาด้วยการฉายรังสี ถูกพัฒนามานานมากกว่า 100ปี เป็นวิธีการรักษาโดยใช้คลื่นเอกซเรย์ขนาดสูง หรือที่รู้จักกันในชื่อเรียกว่า "คลื่นกัมมันรังสี" เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง  ซึ่งรังสีสามารถทำลายเซลล์ได้ถึงระดับ DNA อีกทั้งยังส่งผลเสียกับร่างกายในบริเวณกว้าง  เพิ่มความเสื่องในการเกิดมะเร็งในตำแหน่งที่เคยโดนรังสี

           » อีกหนึ่งวิธีการรักษามะเร็ง คือ การทำเคมีบำบัด หรือ คีโม  วิธีนี้เป็นการรักษาโดยการใช้ยาที่มีความสามารถในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ข้อเสียของการทำเคมีบำบัดมีมากพอสมควร  เนื่องจากการทำเคมีบำบัดนั้นมีความจำเพาะต่ำ  แม้จะออกฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง  แต่ก็สามารถทำลายเนื้อเยื่อและอวัยะต่างๆ ในร่างกายด้วยเช่นกัน และทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย ซึ่งรวมไปถึงทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว สร้างภูมิคุ้มกันด้วยเช่นกัน  ส่งผลให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำลง และร่างกายอ่อนแอ หากข้ารับการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัดในสภาพร่างกาย และจิตใจที่ไม่พร้อม  ในผู้ป่วยบางรายอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

          การรักษาด้วย "เคมีบำบัด" อันตรายกว่าที่คิด

          ถึงแม้วิธีการจัดการกับโรคมะเร็งจะมีหลากหลายวิธี  และสามารถฆ่าเซลล์ ได้จริง  แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีผลข้างเคียง หรือกระทบใดๆ เช่นเดียวกับวิธีการรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือ คีโม  เป็นวิธีการรักษาได้รับความนิยมอย่างมากในทางการแพทย์  ซึ่งการเข้ารับการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัดมีชื่อเสียงโด่งดังมาหลายสิบปี  ซึ่งชื่อเสียงนี้ทำให้หลายคนกลัวเป็นโรคมะเร็งเป็นอย่าง 

            » เนื่องจากผลข้างเคียงของการทำคีโมมีความหลากหลายมาก  ในบางรายที่ไม่สามารถดูแล  สุขภาพให้แข็งแรงทานต่อผลข้างเคียงของการทำคีโมได้  อาจทำให้เสียชีวิตเร็วขึ้นได้ เพราะนอกจากตัวยาที่ใช้ในการทำคีโมจะฆ่าเซลล์มะเร็งแล้วนั้น  ยังสามารถฆ่าเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ใช้สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และเซลล์เจริญพันธุ์อื่นๆ อีกด้วย นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยวิธีนี้ มีสีผิวแห้งกร้านดำคล้ำ หนังศรีษะสอักเสบผมหลุดร่วง  และมีแผลตามช่องปาก ลำคอ ไม่สามารถทานอาหารได้อย่างปกติ 

            » ซึ่งการรักษาด้วยวิธีการทำเคมีบำบัดนั้น  ในผูป่วยแต่ละรายจะใช้ระยะเวลานานจนกว่าจะรักษาเสร็จสิ้น  และเนื่องด้วยยาที่ใช้ในการทำเคมีบัดไม่สามารถจำเพาะเซลล์ได้อย่างเจาะจง  จึงทำให้สามารถทำลายเซลล์เม็ดเลือดได้ด้วย  ผู้ป่วยจึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงและเตรียมพร้อมสภาพจิตใจเป็นอย่างดี  จึงจะสามารถเข้ารับการรักษาเคมีบำบัดได้  เพื่อลดโอกาสในการเสียชีวิตจากผลข้างเคียงของการทำเคมีบำบัดนั่นเอง

            รักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด นวัตกรรม "เปลี่ยนชีวิต"

             จากการศึกษา  และวิจัยมาเป็นระยะเวลาร่วมกว่า 40 ปี พบว่า การรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด  เป็นวิธีการรักษาที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติมาผสมผสานกันอย่างลงตัว  เพื่อให้เกิดการกระตุ้นของเซลล์เม็ดเลือดให้แข็งแรงขึ้น  และสามารถจัดการกับเซลล์ผิดปกติอื่นๆ  รวมถึงเซลล์มะเร็งได้เอง  โดยไม่ทำลายเซลล์เจริญพันธุ์อื่นๆ ของร่างกาย  อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงไร้ผลข้างเคียงใดๆ ซึ่งการรักษานี้เป็นนวัตกรรมใหม่ในปัจจุบัน  ผู้ป่วยมะเร็งสามารถรักษามะเร็งได้โดยปราศจากผลข้างเคียง และลดโอกาสในการเสียชีวิตในขณะรักษาตัวได้

             ศ.ดร. พิเชษฐ์  วิริยะจิตรา และคณะนักวิจัย  Operation BIM ร่วมกันคิดค้น และใช้เวลากว่า 42 ปี ในการสร้างนวัตกรรมที่มีชื่อว่า  "ภูมิคุ้มกันบำบัด"  ด้วยการกระตุ้นเม็ดเลือดขาว  "เซลล์ T พิฆาต" เพื่อไปจัดการกับเซลล์ที่ติดเชื้อในร่างกาย  อย่างมีประสิทธิภาพสูง ประหยัด ปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียง ได้คิดค้น และพัฒนาสารสกัดจากพืชกินได้  เช่น มังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง ใบบัวบก นำมาผสมเสริมฤทธิ์กัน  และทดสอบที่ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

             พบว่า  สามารถกระตุ้นเม็ดเลือดขาว Th1 เพิ่มขึ้น 2 เท่า และ Th17 เพิ่มขึ้น 5 เท่า  จึงทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นหลายเท่า  เม็ดเลือดขาว Th1 และ Th17 เพิ่มขึ้น จึงทำให้เม็ดเลือดขาว  cytotoxic Th cells มีมากขึ้นเช่นกัน หรือ cyctotoxic Th1 และ cytotoxic Th17 นั่นเอง  สามารถป้องกัน และกำจัดเซลล์มะเร็ง  รวมถึงเซลล์ติดเชื้อได้โดยตรง  โดยไม่ต้องกระตุ้นเซลล์อื่น ๆ ในการทำหน้าที่ตรงนี้  ทำให้ผู้ที่ใช้นวัตกรรมนี้มีสุขภาพที่แข็งแรง และอายุยืนยาวขึ้น  (BIM100 ,บิมร้อย)

             ในระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีผู้ป่วยเข้ารับการแนะนำเกี่ยวกับวิธีการทาน "นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด"  ซึ่งหนึ่งในนั้นมีผู้ป่วยที่ต้องการเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการทางด้านการแพทย์  โดยการฉายรังสี ซึ่งเป็นวิธีที่อันตรายมาก และ มีผลข้างเคียงกับร่างกายสูงมาก   ซึ่งผู้ป่วยจะไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้หากมีสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง

             เช่นเดียวกันกรณีของ คุณต่อ ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก  ที่มีความประสงค์ต้องการเข้ารับการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัด  และรังสีบำบัด  แต่ด้วยสุขภาพร่างกายไม่พร้อม  เนื่องจากมีเลือดไหลคล้ายประจำเดือนไหลไม่หยุดเป็นระยะเวลา 10 วัน  จึงทำให้ไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้  ในระหว่างที่คุณแขกสามีและคุณต่อกำลังดำเนินการทำเรื่องติดต่อราชการเพื่อส่งตัวภรรยาเข้ารับการทำเคมีบำบัด และรังสีบำบัดนั้น  คุณแขกได้ทำการหาข้อมูลทางอินเตอร์เนตจึงได้เจอกับนวัตกรรม APCO  จึงดูรีวิวประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้มาก่อน มีหลายท่านรีวิวน่าสนใจมาก  คุณแขกจึงตัดสินใจใช้นวัตกรรม APCO ควบคู่ไปกับการรักษาทางด้านการแพทย์

            "ภูมิคุ้มกันบำบัด" ให้มากกว่าคำว่า ... ชีวิตใหม่

             หลังจากตัดสินใจใช้ นวัตกรรมAPCO เลือดที่ไหลคล้ายประจำเดือนค่อยๆ เริ่มลดลงเรื่อยๆ  จากที่ไหลไม่หยุดทุกวัน  จนใช้นวัตกรรมครบ 10 วัน  เลือดหยุดไหลเป็นปลิดทิ้ง  ซึ่งเป็นช่วงที่คุณต่อต้องทำการดูแลร่างกาย และหาวิธีทำให้เลือดหยุด  เพื่อทำการเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการทำเคมีบำบัด และรังสีบำบัดต่อไป ซึ่งการใช้นวัตกรรมของคุณต่อในครั้งนี้  ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับทั้งคู่เป็นอย่างมาก  เมื่อมีกำลังใจดีความเครียดของคุณต่อก็ลดลงส่งผลให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันแล้วก็แข็งแรงเพิ่มขึ้นอีก  จะเห็นได้ว่าอาการของคุณต่อนั้นดีขึ้นตามระยะเวลาประเมินของ ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา และได้ทานต่อเนื่องไปจนถึงเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด และรังสีบำบัด  ซึ่งผลจากการเข้ารับการรักษาด้วยการให้เคมีบำบัดนั้นเป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับคุณต่ออย่างมาก

            เนื่องจากเธอไม่ได้รับผลข้างเครียงใดๆ เลย  ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือผมร่วงแต่อย่างใด และที่สำคัญไม่มีอาการแพ้เคมีแต่อย่างใด  จึงทำให้คุณต่อยิ่งมั่นใจในการรักษาครั้งนี้เป็นอย่างมากว่ามีหวังในการกลับมาใช้ชีวิตได้ดังเดิม  ซึ่งในระหว่างที่เข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด และรังสีบำบัดนั้น  คุณค่ะได้ใช้ นวัตกรรมAPCO  ปริมาณ 4 แคปซูลต่อมื้ออาหาร  หรือประมาณวันละ 12 แคปซูล และดิ่มน้ำมังคุดสกัดในช่วงเช้า

             การดูแลร่างกายของคุณต่อ  ถือเป็นกรณีศึกษาที่ดีกรณีหนึ่ง เพราะนอกจากจะดูแลสุขภาพร่างกายเป็นอย่างดีแล้ว  ยังมีสามีให้กำลัง เพราะนอกจากจะดูแลสุขภาพร่างกายเป็นอย่างดีแล้ว  สามีให้กำลัง และอยู่เคียงข้างเสมอมา  เมื่อผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ดี มีกำลังใจที่ดี สุขภาพก็จะยิ่งดีขึ้นอย่างรวดเร็ว  และที่น่ายินดีไปกว่านั้น คุณต่อ คือผู้ชนะในการต่อสู้กับโรคร้ายในครั้งนี้  เพราะนอกจากเธอจะมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นแล้ว  เคมี และรังสีบำบัด ไม่สามารถส่งผลข้างเคียงใดๆ ต่อเธอได้ เพราะฉะนั้นแล้ว เคมี และรังสีบำบัด ไม่สามารถส่งผลข้างเคียงใดๆ ต่อเธอได้ เพราะฉะนั้นแล้ว  หากเราดูแลสุขภาพให้ภูมิคุ้มกันร่างกายดีขึ้นมากเท่าไร  ไม่ว่าจะเจ็บป่วยสักเพียงใด  คุณจะสามารถผ่านความเจ็บป่วยเหล่านั้นไปได้อย่างแน่นอน

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณอ้อ ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก  http://www.bim100-th17.com/Tesmonial/Breastcancerexperience.html

 

การรักษาด้วย ภูมิคุ้มกันบำบัด ทางเลือกใหม่ต่อสู้กับโรคมะเร็ง

 

#Immunotherapy #ภูมิคุ้มกันบำบัดapco #นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด #นวัตกรรมapco #การรักษามะเร็ง #เคมีบำบัด #ผลข้างเคียงเคมีบำบัด #โรคมะเร็ง 

—————

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ

Line ID : @apcocenter

โทร. 062 882 9695

 

 

  #การรักษามะเร็ง #ภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง #เคมีบำบัด #ข้อเสียการทำเคมีบำบัด                                           

 

 

Visitors: 142,319